วิธีทำปลาทูต้มเค็ม สูตรตำรับโบราณ (ฉบับชาววัง) รสชาติอร่อยมาก

วิธีทำปลาทูต้มเค็ม สูตรตำรับโบราณ (ฉบับชาววัง) รสชาติอร่อยมาก

วิธีทำปลาทูต้มเค็ม สูตรตำรับโบราณ (ฉบับชาววัง) รสชาติอร่อยมาก

สวัสดีท่านผู้ชมทุกท่าน วันนี้จะพาทุกท่านไปชมขั้นตอนการทำเมนู ปลาทูต้มเค็ม ตำรับโราณ สูตรปลาทูต้มเค็มที่มีก้างเปื่อยแต่เนื้อตัวปลายังคงแน่น รสชาติที่อร่อย หอมเครื่องเทศเพียงแค่อ่านจบก็ทำได้แล้ว ว่าแล้วเราก็ไปชมขั้นตอนการทำเลย

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

-/ ปลาทู หรือปลารัง

-/ มันห มู หากไม่มีใช้ห มูสามชั้นติดมันเยอะ

-/ น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำตาลตะโหนด

-/ มะขามเปียกใหม่ๆ 2 ปั้น

-/ น้ำปลาอย่ างดี (สูตรที่ทำใช้บ่อยๆคือ ตราคนแบกกุ้ง)

-/ ต้นอ้อยสักท่อนหรือ 2 ท่อน ถ้าหาไม่ได้แนะนำให้ใช้ชานอ้อยแทน (ใช้แก้ตัวปลาติดหม้อ)

เครื่องปรุงพิเศษ

ต้นหอมซอย , หอมแดงซอย , พริกชี้ฟ้าซอย , มะเขือเทศสีดา , ขิงอ่อนซอย , น้ำอ้อย , น้ำส้มซ่า

ขั้นตอนการทำ

1 ในขั้นตอนแรกนี้ให้เราขยำน้ำมะขามเปียกด้วยน้ำเปล่า และให้ใส่น้ำตาลนิดหน่อย ชิมรสชาติให้เท่ากันมีความหวานเค็ม มีความเปรี้ยว จากนั้นให้กรองเอากากออกแล้วเอาไว้ใต้น้ำ ให้เราล้างท่องอ้อยแล้วผ่ าให้เป็นซีกๆ ให้เราปูก้นหมอที่เราจะทำการต้มเพื่อไม่ให้ปลาติดก้นหม้อ

2 จากนั้นให้เราล้างปลาทูตัดในส่วนหัวและเอาไส้ออกมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาดหลายๆรอบ วางเรียงกันในหม้อกลับหัวกลับหางให้มีความเท่ากัน ในตอนที่เราต้มจะไม่มีการค้นหรือการขยับตัวปลาใดๆ

3 ราดน้ำมะขามลงไปแล้วเติมน้ำให้ท่วมปลา จากนั้นให้เราหั่นมันห มูหรือห มูสามชั้นใส่ลงไป 2 กำมือ ถ้าปลามาก 3-4 กำมือ

4 ปิดหม้อตั้งไฟต่อประมาณ 10 นาทีแรกใช้ไฟแรงต้มจนเดือด หลัง 10 นาทีไปแล้ว ลดไฟลงให้เบาที่สุด ต้มไปทั้งวัน

5 ถ้าน้ำแห้งสามารถเติมน้ำทำแบบนี้ 3 วัน ก้างปลาจะเปื่อยเป็นแป้ง เนื้อปลาจะมีความเเข็ง

6 ทดสอบดูเลาะตัวปลาแล้วบี้ก้างดู ถ้าไม่ชอบเนื้อแข็งหรือใจร้อนขี ้เกียจรอต้ม 30 นาที่ ก็ทานได้แล้ว

7 ถ้าหากว่าใช้เป็นเตาถ่านปลาจะมีก้างเปื่อยไวมากกว่าที่เราใช้เตาแก๊ส เนื่องจากในน้ำมันอยู่นั้นจะทำให้ก้างเปื่อย น้ำมันมะขามเปี้ยวๆจะทำให้เนื้อปลามีความแข็ง แต่ตามร้านที่เรากินกันเขาจะใส่ดินประสิวลงไปเพื่อทำให้ก้างปลาเปื่อยเร็วมากยิ่งขึ้น

เคล็ดลับ

เครื่องปรุงพิเศษ คือจะทานธรรมดาก็ได้ แต่ตอนเราต้มปลาจะหั่นมะเขือเทศใส่ลงไปด้วยแต่งกลิ่นและสีของปลา วันที่ 3 ของการต้มจะใส่น้ำอ้อยลงไปเพิ่มความหอมให้ปลาทู

ขอบคุณที่มา sh aresod

เรียบเรียงโดย 108archeepparuay