วิธีทำไข่พะโล้สูตรโบราณ รสชาติอร่อย กลมกล่อม ทำขายได้กำไรงาม

วิธีทำไข่พะโล้สูตรโบราณ รสชาติอร่อย กลมกล่อม ทำขายได้กำไรงาม

วิธีทำไข่พะโล้สูตรโบราณ รสชาติอร่อย กลมกล่อม ทำขายได้กำไรงาม

วันนี้เรามีเมนูอาหารที่คุ้นเคยกันเป็นอย่ างดี กินกันมาตั้งแต่เด็ กๆ นิยมทานกันมากก็คือ ไข่พะโล้ สูตรโบราณ มีความหอมอร่อยเข้มข้นถึงเครื่อง น้ำแกงจะเข้ากันได้ดีกับเนื้อและไข่ รับรองได้ว่าอร่อยถูกปากแน่นอน ส่วนผสมวิธีการทำก็ไม่ย ากจะเป็นอย่ างไรนั้นไปชมกันเลย

ส่วนผสม

ห มูสามชั้น หรือสันคอติดมัน

ไข่ไก่ต้ม/ ไข่เป็ดต้ม ปอกเปลือก 5 ฟอง

ข่าหั่นเป็นแว่นประมาณ 20แว่น

กระเทียมตำละเอียด 1กำมือ

รากผักชี โขลกละเอียด

พริกไทเม็ดตำละเอียด ประมาณ 1ช้อนชา

ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ

เกลือ

น้ำตาลทรายแดง

ผักชี

น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ

นำทุกอย่ างลงหม้อ แล้วจึงใส่น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ใส่ซีอิ๊วดำลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวพอเดือด และมีกลิ่นหอม

แล้วใส่ห มูสามชั้นลงไป ถ้าน้ำไม่ท่วมห มู เติมน้ำเพิ่มได้

เมื่อต้มจนห มูสุกแล้ว ก็เติมน้ำลงไปอีก ปรุงรสด้วยใส่เกลือ หรืออาจใส่ผงปรุงรส (รสดี) ลงไปด้วยก็ได้ และใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป ชิมรสให้รสออกหวานนำ

พอเดือดก็ใส่ไข่ต้มลงไป และต้องให้น้ำท่วมไข่ด้วย

เคี่ยวต่อไป จนกระทั่งห มูเปื่อย จึงใส่ผักชีลงไป ปิดไฟ ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ

แนะนำเพิ่มเติม

ถ้าอย ากให้ไข่มีสีน้ำตาลเข้ม ในขั้นตอนที่ 1 คือเคี่ยวน้ำ ให้ใส่ซีอิ๊วดำลงไปก่อนเลย

เคล็ดลับเพิ่มเติม

วิธีทำไ ข่ พ ะ โ ล้สูตรโบราณ คืออยู่ที่การผัดเครื่องให้ถึง แล้วเคี่ยวน้ำตาลให้ได้สีสวยเคลือบห มูและไข่ ไ ข่ พ ะ โ ล้ที่ได้จึงหอมน้ำตาลเคี่ยว รสชาติออกหวานนำเค็มตาม ยิ่งเคี่ยวยิ่งอร่อย โดยเฉพาะเมื่อเราทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะได้ไข่ขาวเนื้อแน่นๆ เด้งๆ อย่ างที่ต้องการ

ไ ข่ พ ะ โ ล้ต้องตุ๋นต่ออย่ างน้อย 45 นาที เพื่อให้เนื้อห มูนิ่ม น้ำพ ะ โ ล้เข้มข้นและเข้าเนื้อไข่ ไม่เช่นนั้นจะได้ไ ข่ พ ะ โ ล้รสจืดเหมือนขาดอะไรไปซักอย่ าง

ห มูสามชั้น ควรเลือกห มูที่มีเนื้อมากกว่ามันห มู ไ ข่ พ ะ โ ล้จะได้ไม่เลี่ยนเกินไป หรือจะใช้เนื้อส่วนขาห มูก็ได้ถ้าชอบ ถ้าอย ากใส่ไก่แนะนำให้ใช้ส่วนปีกไก่ เป็นปีกบนหรือปีกปลายก็ได้ เพราะตุ๋นนานๆ แล้วเนื้อนุ่ม อร่อย ส่วนอกไก่และสะโพกจะแห้งไม่อร่อย ถ้าไม่อย ากใส่เนื้อสัตว์เลยจะใส่แต่เต้าหู้อย่ างเดียวก็ได้

ถ้าใครไม่มีน้ำตาลปี๊บ ใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาวแทนก็ได้ แต่ถ้าหาน้ำตาลปี๊บได้ก็จะดี เพราะรสชาติหวานนุ่มนวลและกลิ่นหอมกว่าน้ำตาลทราย ส่วนน้ำตาลทรายขาวจะหวานแหลม

ไม่ควรใส่น้ำปลา เพราะจะทำให้มีกลิ่นคาว

การใส่เกลือนิดหน่อยลงไปในครกเวลาโขลกเครื่องเทศ เพื่อช่วยให้ตำได้ละเอียดเร็วขึ้น เพราะความคมของเม็ดเกลือจะช่วยให้ตำง่ายขึ้น

ยังไงเพื่อนก็ลองไปทำทานกันดูนะค่ะ เป็นเมนูที่เหมือนจะทำย ากหลายขั้นตอน แต่จริงๆแล้วก็ไม่ย ากอย่ างที่คิด สามารถทำหม้อใหญ่ๆไปขายได้เลย ส่วนครั้งหน้า สูตรอาหาร By kubkhao.com จะนำเมนูอะไรมานำเสนอเพื่อนๆอีก ก็ติดตามกันได้ค่ะ ขอให้สนุกกับการทำกับข้าวกันนะคะ…สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่มา kubkhao.com

เรียบเรียงโดย 108archeepparuay